แสนสิริ แสดงจุดยืนองค์กรที่เป็นมิตรกับเด็ก เปิดแคมเปญ “บ้านแสนธรรมดา” ระดมทุนเพื่อยูนิเซฟ

ด้วยความมุ่งมั่นในการทำงานของแสนสิริตามแนวคิด ‘Constructing Life, not just Buildings’ ที่ไม่ได้ต้องการเพียง “สร้างที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุด”แต่ยัง ต้องการ “สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด” ให้กับสังคมเช่นกัน แสนสิริตระหนักดีว่ายังมีเด็กอีก หลายล้านชีวิต ที่ได้รับผลกระทบ และกำลังประสบปัญหามากมายไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ การศึกษา ความรุนแรง และความปลอดภัยในเด็ก ซึ่งปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นปัญหาที่ สอดคล้องกับการทำงานเพื่อสังคมของแสนสิริ ที่มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือเด็ก เพราะแสนสิริ เชื่อว่าเด็กคือรากฐานของสังคมที่ดี และสามารถเปลี่ยนแปลงสังคม หรือ Social Change ได้ในอนาคต ดังนั้น การได้มอบโอกาสให้เด็กได้มีพื้นฐานคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น สำหรับเรา ทุกคน ด้วยเหตุนี้ แสนสิริจึงให้การสนับสนุน พร้อมร่วมเป็นพันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการ กับองค์การยูนิเซฟ มากว่า 7 ปีแล้ว

คุณโกวิทย์ โปษยานนท์ ประธานกรรมการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “วันนี้แสนสิริ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง กับการเดินทางเพื่อช่วยเหลือเด็กร่วมกันอย่างยั่งยืน ด้วยการเป็น พันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการกับองค์การยูนิเซฟมาตั้งแ่ต่ปี 2554 หรือกว่า 7 ปีแล้ว ด้วย เจตนารมณ์ขององค์กรที่เป็นมิตรกับเด็ก โดยร่วมกันการพัฒนาความเป็นอยู่ พร้อมสร้าง ความตระหนักด้านสิทธิเด็ก และเยาวชนในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นเรื่องสุขภาพ การศึกษา การกีฬา รวมทั้งการให้ความ ช่วยเหลืออย่างไร้พรมแดน ซึ่งนอกจากการมอบเงินบริจาค แก่ องค์การยูนิเซฟเป็นประจำทุกปี ปีละ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมแล้วกว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 250 ล้านบาท ให้กองทุนฉุกเฉินขององค์การยูนิเซฟที่ผ่านมา เรายังได้ทำโครงการ ต่างๆ ร่วมกัน มากกว่า 10 โครงการ”

“ดังนั้น ในวาระครบรอบ 7 ปี ที่ทำงานร่วมกับองค์การยูนิเซฟ แสนสิริจึงได้ริเริ่มแคมเปญ ‘บ้านแสนธรรมดา’ โดยเป็นการระดมทุนออนไลน์ เพื่อมอบให้แก่องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้นำไปช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กที่ขาดโอกาสใ ห้ดียิ่งขึ้น และหวังว่าแคมเปญนี้ จะสามารถจุดประกายให้ทุกคนได้รวมพลังในการบริจาคเงินเพื่อช่ว ยเหลือเด็กที่ขาดแคลนโดย เฉพาะในประเทศไทย ด้วยช่องทางการบริจาคแบบออนไลน์ที่ง่ายยิ่งขึ้น” คุณโกวิทย์ กล่าวเพิ่มเติม

แคมเปญ “บ้านแสนธรรมดา” เป็นโครงการระดมทุนออนไลน์ ที่เกิดขึ้นด้วยความตั้งใจของ แสนสิริ ในการระดมทุนให้แก่องค์การยูนิเชฟ ประเทศไทย อันเกิดจากจุดยืนด้านความรับผิดชอบ ทางสังคมของแสนสิริเพื่อช่วยเหลือเด็กที่ขาดแคลนในประเทศไทย ในปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ที่อาจ ดูเป็นสิ่งธรรมดา แต่สำหรับน้องๆ ที่ขาดโอกาสแล้ว ถือเป็น ความพิเศษมีค่ามายมาย โดยเงิน บริจาคจากโครงการ “บ้านแสนธรรมดา” นั้น จะนำไปช่วยเด็กๆ ใน 4 เรื่องหลัก คือ
1. การศึกษา เพิ่มโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพ เหมาะสมสำหรับเด็กทุกคน
2. ยุติความรุนแรง ช่วยคุ้มครองเด็กให้ปลอดภัยจากความรุนแรงในบ้าน และจากสังคม ลดการถูกทอดทิ้ง และแสวงหาผลประโยชน์รูปแบบต่างๆ
3. ความปลอดภัย ป้องกัน และตรวจสอบเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เกิดเหตุวิกฤติ และพร้อม ให้การช่วยเหลือเด็กและครอบครัวในทุกพื้นที่อย่างทันท่วงที
4. สุขภาพที่ดี การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน จัดหายาและเวชภัณฑ์ที่จำเป็นต่างๆ ให้เด็ก ที่ยากไร้ และเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือการศึกษา การยุติความรุนแรง ความปลอดภัย และส่่งเสริมสุขภาพ ซึ่งจะช่วยในการเปลี่ยนชีวิตเด็กไทยหลายล้านคนให้ดีขึ้นได้

คุณสิรินทรา มงคลนาวิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวางแผนองค์กร และพัฒนาความยั่งยืน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เพราะแสนสิริเชื่อว่ารากฐานที่ดี เริ่มต้นได้ที่บ้าน และเด็กทุกคนควรได้รับปัจจัยพื้นฐานที่ดี ไม่ว่าเชื้อชาติใดต้องได้รับการดูแล ให้มีความเป็นอยู่ที่ปลอดภัย มีสุขภาพที่ดี และได้รับการศึกษา รวมถึงการเสริมสร้างพัฒนาการ ทางด้านร่างกายและสติปัญญา เราจึงริเริ่มแคมเปญ “บ้านแสนธรรมดา” เพื่อเป็นการระดมทุน ออนไลน์ให้แก่องค์การยูนิเซฟ โดยเริ่มต้นเพียง 100 บาทเท่านั้น และเงินบริจาคเหล่านั้นจะนำไป สร้างโอกาสและสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อพัฒนาการ และความปลอดภัยต่อเด็ก ซึ่งเรา เชื่อมั่นว่าในการสร้างโอกาสให้เด็กทุกคน ผ่านแคมเปญบ้านแสนธรรมดา จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วย ให้เด็กได้เติบโตอย่างมีคุณภาพในอนาคต และนอกเหนือจากเงินบริจาคที่ได้รับจากแคมเปญนี้แล้ว เรายังต้องการชี้ให้เห็นถึงปัญหาของเด็กที่ขาดโอกาสที่มีอยู่ในสังค มไทย เพื่อให้เกิดเป็น พลังสังคมร่วมมือกัน ลงมือทำ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย”

ทั้งนี้ ผลสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย พ.ศ. 2558- 2559 ซึ่งจัดทำโดยสำนักงาน สถิติแห่งชาติ ด้วยการสนับสนุนจากยูนิเซฟ พบว่ามีเด็กอายุระหว่าง 0-17 ปีในประเทศไทยถึง 3 ล้านคน ที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อและแม่เนื่องจากพ่อแม่ต้องย้ายถิ่นเพื่อหางาน ทำ ซึ่งคิดเป็น สัดส่วน ถึงร้อยละ 21 ของประชากรเด็กทั้งหมด ในจำนวนนี้เป็นเด็กในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงร้อยละ 32 ยูนิเซฟพบว่าเด็กที่อยู่ห่างไกลจากพ่อแม่มักมีพัฒนาการโดยเฉพาะ ด้านภาษาล่าช้า กว่าเด็กที่อยู่กับพ่อแม่ จากสถิติดังกล่าว แสนสิริและยูนิเซฟจึงเล็งเห็นตรงกันว่า การสร้างโอกาส ให้เด็กทุกคนเติบโตท่ามกลางความรัก ความเอาใจใส่ ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและ เอื้ออำนวยต่อพัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ และการเรียนรู้ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรต้องร่วมกัน ผลักดันให้เกิดขึ้น

คุณโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ยูนิเซฟมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ ร่วมมือกับแสนสิริในฐานะพันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีเจตนารมณ์เดียวกันตลอด 7 ปี และจากนี้ต่อไป ด้วยแนวคิด “Children are everyone’s business” หรือ เรื่องของเด็ก เป็นเรื่องของเราทุกคน แสนสิริถือเป็นตัวอย่างที่ดีของภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการสร้างโอ กาส ที่เท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะแก่เด็กๆ ที่ขาดแคลนโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ เพื่อช่วยให้เด็กๆ ได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพของสังคม และสำหรับแคมเปญบ้านแสนธรรมดา ยูนิเซฟต้อง ขอขอบคุณแสนสิริที่ยังคงมุ่งมั่นในการร่วมกันสร้างความเปลี่ยนแป ลงให้กับชีวิตของเด็กทุกคน ในประเทศไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแคมเปญนี้จะได้รับการสนับสนุนจาก ทุกภาคส่วนของ สังคมต่อไป”

นอกจากนั้น แสนสิริยังร่วมกับยูนิเซฟในแคมเปญมากมาย จนได้รับการยอมรับในเวทีระดับโลก ในด้านการปกป้องสิทธิเด็ก และเป็นองค์กรภาคเอกชนรายแรกของประเทศไทย ที่ลงนาม เป็นพันธมิตรกับยูนิเซฟ โดยเริ่มต้นการทำงานร่วมกันจากแคมเปญ Iodine Please จน ประสบความสำเร็จ และได้รับการบันทึกและออกเป็นกฎหมายครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งได้รับความร่วมมือจากภาครัฐ องค์กรเอกชน และบุคคลในสังคมมากมาย

โดยตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นมา แสนสิริได้รับเกียรติเข้าร่วมในเวทีระดับโลกกว่า 8 ครั้ง ได้รับการ ตอบรับจากผู้แทนสหประชาชาติ หลายๆ หน่วยงาน รวมถึงได้รับรางวัลด้าน CSR จากทั้งระดับ ประเทศ ระดับภูมิภาคเอเชีย และระดับโลก รวมถึงล่าสุดปี 2559 บนเวที Global Child forum แสนสิริได้ถูกหยิบยกเป็นตัวอย่างที่ดีเมื่อครั้งเปิดเวที จาก 289 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากแนวคิด “Children are everyone’s business” แสนสิริได้วาง แนวทาง การทำกิจกรรมเพื่อสังคมแบบใหม่ที่เรียกว่า “Social Change” ครอบคลุม 4 ขอบเขต สำคัญ ได้แก่ Good Place การเริ่มต้นจากภายในองค์กร Good Space การขยายความร่วมมือ ไปยังคู่ค้า Good Community การต่อยอดความช่วยเหลือสู่สังคม ในวงกว้าง Good Global Citizen การส่งต่อความช่วยเหลือไปยังเด็กทั่วโลก หรือประชาคม ทั้งนี้ด้วยความมุ่งมั่นในการ วางพื้นฐานการพัฒนาช่วยเหลือให้เด็กๆ ที่ขาดแคลนได้เติบโตอย่าง มีคุณภาพอย่างยั่งยืน

ทุกท่านมีส่วนร่วมในการบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กขาดที่โอกาสได้ โดยคลิกไปที่ www.sansiri.com/BaanSanThammada

ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย iChiangMaiPR.com
หมวดหมู่: การตลาด, การศึกษา, สังคม, เยาวชน
คำค้น: , ,