ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เริ่มใช้มาตรการ Entry Screening คัดกรองผู้ที่จะผ่านเข้ามาในอาคารผู้โดยสารทุกคน 

เรืออากาศโท ธนันท์รัฐ ประเสริฐศรี รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายปฏิบัติการ) กล่าวภายหลังนำสื่อมวลชน ชมการปฏิบัติงานตรวจคัดกรองผู้ที่จะผ่านเข้ามาในอาคารผู้โดยสาร (Entry Screening) ตามมาตรการป้องกันไวรัส COVID-19 ของ ทอท.ซึ่งเริ่มดำเนินการในวันนี้เป็นวันแรกว่า ผู้ที่จะผ่านเข้ามาภายในอาคารผู้โดยสารทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการ ผู้ที่มารับส่ง ผู้ประกอบการ และผู้ที่ปฏิบัติงาน ท่าอากาศยานเชียงใหม่ทุกคน จะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ซึ่งประตูทางเข้าหมายเลข 3, 6, 9 และ 10 จะใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบมือถือ (Handheld Thermometer) ส่วนประตูทางเข้าหมายเลข 5 จะใช้เครื่องเทอร์โมสแกนขนาดเล็ก เบื้องต้นกำหนดอุณหภูมิไว้ที่ 37.5 องศาเซลเซียส หากพบบุคคลใดมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าที่กำหนดไว้ จะให้พักรอ 3-5 นาที ก่อนตรวจซ้ำ ซึ่งหากตรวจซ้ำสองครั้งยังพบอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าค่าที่กำหนด จะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าอาคาร และประสานสายการบินที่ผู้โดยสารสำรองที่นั่งไว้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่แพทย์ร่วมกันประเมินอาการ เพื่อพิจารณาว่าจะอนุญาตให้ผู้โดยสารเดินทางหรือไม่ ทั้งนี้กระบวนการหรือขั้นตอนดังกล่าวอาจกระทบกับเวลาหรือเที่ยวบินที่ผู้โดยสารจะเดินทาง จึงควรเผื่อเวลาในการเดินทางมาสนามบินให้มากขึ้น

ขณะเดียวกันในการประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน EOC รับมือการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งมีนายกฤษฎา พุกะทรัพย์ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (สายสนับสนุนธุรกิจ) เป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร และผู้แทน  คณะกรรมการธุรกิจการบินเชียงใหม่ (Airline Operators Committee : AOC) วันนี้ ที่ประชุมได้รับทราบกรณีผู้โดยสารมีอุณหภูมิร่างกายสูง ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควรในการพักรอเพื่อตรวจซ้ำ รวมถึงซักประวัติ และสังเกตอาการ ดังนั้นจึงขอย้ำให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาในการเดินทางให้มากกว่าปกติอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงขึ้นไป

ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย iChiangMaiPR.com
หมวดหมู่: กิจกรรม, นโยบายการเมือง, สังคม, สิ่งแวดล้อม, สุขภาพ, เศรษฐกิจ
คำค้น: , ,