โควิดระลอก 3 กระทบเศรษฐกิจการบริการของเชียงใหม่ เกือบ 60%

รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกที่ 3 กระทบเศรษฐกิจการบริการ การท่องเที่ยว เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ พร้อมวางแผนช่วยเหลือตามแนวทางของรัฐบาล เน้นย้ำผู้ประกอบการนำแรงงานจากพื้นที่อื่นที่เข้ามาเก็บผลผลิตลำไย ไปขึ้นทะเบียนให้แล้วเสร็จก่อน 1 สิงหาคม นี้

นายสำเริง ไชยเสน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ผู้ว่าฯพบประชาชน ถึงผลกระทบและแนวทางการช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกที่ 3 จังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการสำรวจผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ทั้งสถานบริการ การบริการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านค้า สินค้าแปรรูป ขายของที่ระลึก พบว่าได้รับผลกระทบเกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนด้านการเกษตร ได้รับผลกระทบ 20 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การดำเนินการด้านการตลาด อาทิ การขนส่ง พบว่ามีผลกระทบที่แหล่งทุน การดำเนินงานของปลายทาง และขาดแคลนแรงงานบางประเภท

จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มีการวางแผนการให้ความช่วยเหลือตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการพักชำระหนี้ของสถาบันการเงิน ซึ่งจะขยายการพักชำระหนี้ออกไปถึงสิ้นเดือนธันวาคม 64 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และผู้ประกอบการ โดยสามารถติดต่อยื่นคำขอและลงทะเบียนได้ที่สถาบันการเงิน

ต่อมาวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 คณะรัฐมนตรียังได้มีมติเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยแก่ลูกหนี้รายย่อย ระยะเวลา 2 เดือนเป็นต้นไป ตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชนในห้วงเดือนสิงหาคมตุลาคม 2564 อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการยังมีศักยภาพในการชำระหนี้ ขอความร่วมมือให้ทำการชำระหนี้ตามกำหนดเดิม เพื่อไม่ให้เกิดการขยายยาวของโครงสร้างหนี้ ทั้งนี้ หากมีการคลายล็อคเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่จะกลับมาขยายตัวได้ดีขึ้น

ทั้งนี้ จากการเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นคลัสเตอร์ในสถานประกอบการต่าง ผู้ประกอบการได้ตระหนักและเน้นย้ำในมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด ทั้งในภาคอุตสาหกรรม และโรงงาน ส่วนภาคการเกษตรคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีมติให้ผู้ใช้แรงงานในสวนลำไย ไปดำเนินการขึ้นทะเบียนที่เกษตรอำเภอ เพื่อลดการเกิดคลัสเตอร์เหมือนที่ผ่านมา ส่วนผู้ประกอบการที่นำแรงงานจากพื้นที่อื่นเข้ามาเก็บผลผลิตลำไยในจังหวัดเชียงใหม่ ขอความร่วมมือให้นำแรงงานไปขึ้นทะเบียนกับจังหวัดต้นทาง และแจ้งล่วงหน้าก่อนที่จะเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเข้ารับการตรวจสอบลงทะเบียนว่าได้มีการตรวจหาเชื้อ และขึ้นทะเบียนที่จังหวัดต้นทางแล้ว และจะต้องไม่ใช้แรงงานที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยกำหนดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2564

ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย iChiangMaiPR.com
หมวดหมู่: นโยบายการเมือง, สังคม, สุขภาพ, เศรษฐกิจ