รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ เร่งระดมฉีดไฟเซอร์ให้นักเรียนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันก่อนเปิดเทอม

โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มช.ระดมทีมบุคลากรทางการแพทย์ เร่งฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 ให้แก่เด็กนักเรียนอายุ 12-18ปี ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเป็นวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรจากคณะกรรมการฯจังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นดำเนินการฉีดให้ 3 โรงเรียน เป้าหมายนักเรียน 6,908 คน หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หวังสร้างภูมิคุ้มกันให้มากที่สุดเพื่อป้องกันโควิด-19 ให้แก่นักเรียนเพื่อให้ทันต่อการเปิดภาคเรียนที่ 2 เร็วๆ นี้

.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวว่าโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มช. ได้รับหน้าที่ในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนและนักเรียนของโรงเรียนต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ จุดประสงค์ในการฉีดวัคซีนในกลุ่มนักเรียนเพื่อช่วยให้เด็กมีภูมิคุ้มกันสามารถกลับไปเรียนในโรงเรียนได้เร็วขึ้น เนื่องจากกลุ่มนักเรียนมีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 สูง เพราะมีการรวมกันเป็นกลุ่ม การฉีดวัคซีนจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นทาง แม้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วก็อาจมีการติดเชื้อได้แต่พบความรุนแรงของโรคลดลงอย่างชัดเจน โดยในวันนี้(อังคารที่ 12 ตุลาคม 2564) เป็นการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มแรกให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย และโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ เป้าหมายจำนวน 2,145 คน

ผศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่าเบื้องต้นทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ได้รับมอบหมายจากทางจังหวัดให้ฉีดวัคซีนรอบแรกทั้งหมด 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 1,232 คน โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จำนวน 2,680 คน และโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จำนวน 2,996 คน เนื่องด้วยมีผู้จะเข้ารับการฉีดจำนวนมาก จึงต้องมีการจัดตารางในการฉีดวัคซีนทั้งหมด 4 วัน คือ วันที่ 11-12 และ14-15 ตุลาคม 2564 ซึ่งรวม 4 วันนี้จะมีผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละประมาณ 2000-2,200 คน ส่วนในสัปดาห์ต่อไปจะมีโรงเรียนต่างๆ เข้ารับการฉีดตามที่จังหวัดได้จัดสรรให้ ขอให้ผู้ปกครองรอฟังประกาศจากทางจังหวัดต่อไป

การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในครั้งนี้เราได้รับความร่วมมือจากครูในแต่ละโรงเรียนเป็นอย่างดี เนื่องจากโรงเรียนอยู่ในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการในการประสานข้อมูลรายชื่อเด็กนักเรียน รวมถึงการมาใช้บริการ หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีครูช่วยดำเนินงานตามจุดต่างๆ มากกว่า 10 ท่าน ซึ่งสามารถลดความวิตกกังวลของเด็กนักเรียนได้เป็นอย่างดี  ขณะเดียวกันมีบุคลากรของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จำนวน 100 คน มาช่วยอำนวยความสะดวกให้ สนามวัคซีนทุกจุด รวมถึงทีมแพทย์และพยาบาลที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด  ทั้งนี้ขอความร่วมมือจากผู้ปกครองที่มาส่งบุตรหลาน ไม่เข้าไปในบริเวณสนามฉีดวัคซีน ทั้งนี้เพื่อลดความแออัดในการดำเนินงานและลดการแพร่กระจายของเชื้ออีกด้วย

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ กล่าวต่อว่าโรงพยาบาลฯ มีความตั้งใจที่จะเร่งฉีดวัคซีนฯ ให้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดเนื่องจากการฉีดวัคซีนไฟเซอร์จะต้องฉีด 2 เข็ม โดยเข็ม 1 และเข็ม 2 ต้องห่างกันประมาณ 3 สัปดาห์ โดยตั้งใจว่านักเรียนต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ก่อนเปิดภาคเรียนที่ 2 นี้ เมื่อวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ภูมิคุ้มกันจะขึ้นเต็มที่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังการฉีด และควรงดการออกกำลังกายหนักในช่วงสัปดาห์แรกของการฉีดวัคซีน

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. กล่าวย้ำว่าอยากเชิญชวนผู้มีโอกาสที่จะได้รับวัคซีนทั้งผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และผู้มีน้ำหนักเกิน  และนักเรียนอายุ 12-18 ปี ให้มาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด และอยากให้ผู้ปกครองมีความมั่นใจ และไม่วิตกกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีนที่ได้รับการฉีด ซึ่งปัจจุบันในรายงานการแพทย์ยังไม่พบผลข้างเคียงที่รุนแรง  และได้มีการศึกษาในต่างประเทศทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอีกหลายๆประเทศรวมทั้งประเทศไทยที่การฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กนักเรียน มีความปลอดภัยสูง

ทั้งนี้ขอความร่วมมือผู้ปกครองและประชาชนทุกท่านให้ช่วยกันปฏิบัติตามมาตรการที่ทางจังหวัดกำหนดไว้โดยเคร่งครัด ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง และงดสังสรรค์ ทานอาหารร่วมกัน เพื่อลดจำนวนคลัสเตอร์ใหม่ที่เกิดขึ้นในระยะนี้

ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย iChiangMaiPR.com
หมวดหมู่: สังคม, สุขภาพ, เยาวชน